ทางการญี่ปุ่นได้แต่งตั้ง กระทรวงความเหงา เพื่อรับมือกับปัญหาฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักข่าว นิเคอิ ได้รายงานว่านาย โยชิฮิเดะ สุงะ นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้นาย เท็ตซึชิ ซากาโมโต้ ให้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงาของประเทศญี่ปุ่น เพื่อเร่งแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น
โดยผู้นำญี่ปุ่นได้บอกกับนาย ซากาโมโต้ ว่าจากผลสำรวจพบว่าผู้หญิงได้รับผลกระทบจากการแยกเดี่ยวมากกว่าผู้ชาย
และส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงขึ้น ซึ่งผู้นำญี่ปุ่นอยากให้รัฐมนตรีรายนี้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว และออกแบบนโยบายป้องกันเหตุสลด นายซากาโมโต้ได้ตั้งเป้าว่า เขาจะสามารถช่วยคลายเหงาของประชาชน และปกป้องสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในประเทศได้ ซึ่งรัฐมนตรีป้ายแดงได้ร่างนโยบายไว้เบื้องต้น เช่นจับตามองบ้านที่มีคนชราอาศัยเพียงลำพัง และ ช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้
จากสถิติเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาพบว่า พบผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 2,153 ศพ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เสียด้วยซ้ำ
ด้านประชาชนและผู้ใช้ในประเทศออสเตรเลียได้ออกมาแสดงความไม่พอใจกับเฟซบุ๊กอย่างมาก โดยชาวออสเตรเลียระบุว่าการตัดข่าวสารทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้ นอกจากนี้พวกเขายังได้กล่าวอีกว่าเฟซบุ๊กเป็นแหล่งข่าวสารสำคัญที่พวกเขาจะใช้เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติหรือติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด-19
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาตั้งความหวังและคาดเดาว่า สถานการณ์โควิดสหรัฐฯ จะดีขึ้นในช่วงคริสต์มาส หรือปลายปีนี้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ABC รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ตอบคำถามกับประชาชนบนเวทีพบปะประชาชนของสถานีโทรทัศน์ CNN โดยในการพบปะดังกล่าว ผู้นำสหรัฐฯได้คาดการว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯจะดีขึ้นในช่วงคริสต์มาส
โดยนายไบเดนกล่าวว่า แม่ของสอนเสมอว่า ด้วยพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า และ ความปรารถดีของเพื่อนบ้าน เขาเชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในตอนนี้กับช่วงคริสต์มาสจะต่างออกไปเป็นอย่างมาก และในช่วงปีหน้าประชาชนที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากน้อยลง
อย่างไรก็ตามเขายังไม่อยากให้คำมั่นสัญญาว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้นายไบเดน ยังได้พูดอีกว่าในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีวัคซีนมากกว่า 600 ล้านโดส ซึงถือเป็นจำนวนที่เพียงพอกับการฉีดประชาชนชาวอเมริกันทุกคน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับที่นายไบเดนเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ขณะนี้ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมมากที่สุดในโลก โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยสะสมแล้ว 28 ล้านราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสเกือบ 5 แสนศพ
ปธน. เปรู แฉ! รัฐมนตรีหลายคน แอบ ฉีดวัคซีนโควิด
ปธน. เปรู ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลังจากที่มีรายงานหลุดออกมาว่า รัฐมนตรีหลายคนแอบ ฉีดวัคซีนโควิด ก่อนเจ้าหน้าที่แพทย์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว CNN รายงานว่า นาย ฟรานซิสโก ซากัสติ ประธานาธิบดีเปรู ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีประชาชนมากกว่า 480 คน ได้แอบฉีดวัคซีนต้านโควิดก่อนที่ทางการจะทำการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งในตัวเลขดังกล่าวมีบุคคลสำคัญรวมอยู่ด้วยหลายคน
โดยนาย ซากัสติ ได้เปิดเผยผ่านโทรทัศน์ว่า เขารู้สึกผิดหวังมาก หลังจากที่เขาได้ทราบว่ามีผู้รับวัคซีนก่อนกำหนด 487 คน โดยรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสได้ใช้หน้าที่งานของตนในการรับวัคซีนซิโนฟาร์ม วัคซีนสำคัญที่ใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ
การเปิดเผยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่า นาย มาร์ติน วิซคาร์รา อดีตประธานาธิบดีและภริยา ได้รับวัคซีนต้านโควิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งทั้งสองได้อ้างว่าพวกเขาเป็นอาสาสมัครทดลองวัคซีน อย่างไรก็ดีทางมหาวิทยาลัยที่ได้ดูแลเรื่องการทดลองได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้าง ซึ่งในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนก่อนกำหนดยังมี รัฐมนตรีจากรัฐบาลชุดปัจจุบันรวมอยู่ด้วย
เปรูได้รับวัคซีนชุดแรกเป็นจำนวนสามแสนโดสเมื่อช่วงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้เริ่มฉีดให้เจ้าหน้าที่แพทย์แถวหน้าในสองวันถัดมา โดยเปรูถือเป็นชาติแรกในแถบทวีปลาตินอเมริกาที่ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ปัจจุบันประเทศเปรูมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 1.2 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 4 หมื่นศพ
Bitcoin สามารถทำ มูลค่า สูงสุดถึง 50,000 ดอลลาร์ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่มีความพยายามเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้า ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับใกล้ ๆ $49,331.03 (1,475,990.27 บาท)
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Bitcoin ได้มีการเพิ่มขึ้นของ มูลค่า โดยได้เพิ่มทะลุเพดานระดับ 50,000 ดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นก็มีความพยายามในการเพิ่มขึ้น แต่ทว่ากับเป็นการลดลงที่มากที่สุดแทน การพุ่งขึ้นในครั้งนี้ คาดว่ามาจากการได้รับการยอมรับมากขึ้นจากบรรดาบริษัท และนักลงทุนสายหลัก
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น
