ด่วน! ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว ระดับ 7.1 อาคารบ้านเรือนพังยับ

ด่วน! ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว ระดับ 7.1 อาคารบ้านเรือนพังยับ

ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว ระดับ 7.1 ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย และประชาชนในกรุงมะนิลาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าเกิดเหตุ ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหวขนาด 7.1 บนเกาะลูซอน สร้างความเสียให้กับโรงพยาบาล และอาคารบ้านเรือทางตอนจังหวัดตอนเหนือ ขณะที่ประชาชนที่อาศัยในกรุงมะนิลา ระบุว่าพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน

กรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา 

เผยว่า แผ่นดินในครั้งนี้มีความลึก 10 กิโลเมตร และ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างตะวันออกเฉีนงใต้จากเมืองโดโลเรสราวๆ 11 กิโลเมตร โรงพยาบาลในจังหวัดอาบรา ได้สั่งอพยพผู้ป่วย หลังจากที่บางส่วนของโรงพยาบาลทรุดตัว เนื่องจากแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ดีไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณืครั้งนี้ โดยประชาชนในพื้นที่ยังสัมผัสได้ถึงอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กรุงมะนิลาได้สั่งยุติการวิ่งรถไฟใต้ดินในช่วงเวลาเร่งด่วนชั่วคราว หลังจากที่ ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว ระดับ 7.1 เมื่อช่วงเช้าของวันนี้

ชายชาว จีน คนหนึ่ง ได้ทำการทิ้งมือถือที่ถืออยู่โดยทันทีที่เห็น เด็กตกตึก 4 ชั้น โดยก็สามารถรับตัวได้ทันเวลา ทำให้หนูน้อยสามารถรอดชีวิตไปได้อย่างหวุดหวิด (27 ก.ค. 2565) ใคร ๆ ก็เป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ ตัวอย่างของคำกล่าวนี้ก็คือเหตุการณ์ช่วยเหลือ เด็กตกตึก 4 ชั้น ของชายชาว จีน รายหนึ่ง ที่คว้าตัวเด็กมาได้ทันแบบฉิวเฉียด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้มีการบันทึกภาพไว้ และในเวลานี้ก็ได้มีการนำเสนอกันอย่างแพร่หลาย

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้น ณ เมืองถงเซียง มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ซึ่ง เซิน ตง วัย 31 ปี ในขณะที่กำลังเดินออกจากรถ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรร่วงหล่นลงมายังหลังคาที่อยู่ชั้นที่ 1 และกำลังจะร่วงลงมาตรงพื้นถนนคอนกรีต เซินจึงได้ทิ้งมือถือของตนเองในทันทีเพื่อรับไปรับเด็กหญิงคนดังกล่าว

เด็กหญิง วัย 2 ขวบ ที่เซิน ตง ได้ช่วยเหลืออย่างหวุดหวิด ก็ได้รับการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาล โดยเธอนั้นได้รับบาดเจ็บบริเวณขา และปอด เนื่องจากการตกลงมาจากระเบียงของห้องชั้น 4 ในครั้งแรก

ภาพวิดีโอของเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้รับการนำเสนออกไปอย่างแพร่หลาย ซึ่งหลาย ๆ คนก็ได้ยกย่องเซิน ในการช่วยเหลือเด็กหญิงคนดังกล่าวได้อย่างทันที และรวดเร็วราวกับเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็ว่าได้

จึงยังไม่ถึงขนาดที่จะต้องถูกไล่ ออกจากราชการ เห็นพ้องกันว่าควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหา “ปลดออกจากราชการ” แต่เมื่อพิจารณา ถึงประวัติการรับราชการพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยถูกลงโทษในการกระทำความผิดทางวินัยมาก่อน และกรณีดังกล่าวนี้เป็นการกระทำความผิดทางวินัยครั้งแรก ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับราชการมาเป็นระยะเวลานานกว่า 40 ปี ทำคุณประโยชน์แก่ราชการไว้มาก

กรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษให้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาคณะกรรมการ ก.อ.ทั้ง 8 ซึ่งรวมตนด้วยจึงมีมติเเละคำสั่งให้ ลงโทษนายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหา ในสถาน “ให้ออกจากราชการ” ตาม พ.ร.บ. ข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85,87

ห้ามนักบินอวกาศช่วยตัวเอง ไม่เป็นความจริง พบเป็นมุกของดาราตลก

เว็บไซต์ตรวจสอบข้อเท็จจริงยืนยัน ห้ามนักบินอวกาศช่วยตัวเอง ไม่เป็นความจริง พบเป็นมุกของดาราตลก ชี้ นาซ่าไม่เคยสั่งห้าม จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ห้ามนักบินอวกาศช่วยตัวเอง เพราะจะทำให้นักบินอวกาศผู้หญิงท้องที่ถูกรายงานโดยสำนักข่าวต่างประเทศเช่น NY Post ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง

เว็บไซต์ Snopes ได้ระบุว่า ทางองค์การนาซ่าไม่เคยสั่งห้ามไม่ให้ นักบินอวกาศช่วยตัวเอง และทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่มุกตลกที่ออกอากาศผ่านพอแคสต์ตอนล่าสุดของ คอเนอร์ โอ ไบรอัน และ แมท กูลีย์ ดาราตลกชื่อดัง ที่ในตอนล่าสุดได้สัมภาษณ์นาย สมิธ มูลิแกน วิศวกรที่ทำงานให้กับนาซ่า

มูลิแกน เล่าว่าของใช้แบบไหนที่ถูกนำขึ้นไปบนอวกาศได้บ้าง และ แบ่งปันประสบการณ์ว่าเขาเคยเห็นใครนำอะไรแปลกที่สุดขึ้นไปบนอวกาศ ในระหว่างนี้ก็ได้มีคำถามขึ้นว่า เคยเห็นใครเอาหนังโป๊ขึ้นไปบนอวกาศไหม ซึ่งทาง มูลิแกน ก็ตอบว่าเขาไม่เคยเห็น

ทั้งนี้ แมท กูลีย์ ดาราตลกก็ได้เล่นมุกว่า เพราะทาง นาซ่าสั่งห้ามนักบินอวกาศช่วยตัวเอง เพราะจะน้ำเชื้อสามารถทำให้นักบินอวกาศหญิงท้องได้ถึงสามคนในครั้งเดียว

เว็บไซต์ Snopes ยังได้ถามต่อด้วยว่าแล้ว นักบินอวกาศสามารถช่วยตัวเองได้ไหม? คำตอบคือทาง นาซ่า ไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเองก็ตาม แต่สามารถยืนยันได้ว่าทางนาซ่าไม่เคยมีคำสั่ง ห้ามนักบินอวกาศช่วยตัวเอง

ซึ่งฝ่ายสืบสวนได้ประสานขอความร่วมมือไปยังธนาคารที่นายพงศกรใช้บริการอยู่ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดรวมกว่า 10 บัญชี เพื่อนำความเคลื่อนไหวทางการเงินมาตรวจสอบแล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะดูว่ามีความสนิทสนมกันอย่างไร, พฤติการณ์ที่นำเงินไปให้เกิดจากการถูกข่มขู่ หรือทำไปโดยเสน่หา, การดำเนินการมีบุคคลใดให้คำปรึกษาบ้าง

จากนั้นจะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาออกหมายเรียก นางสาวพริมวรินทร์ และ อดีตพระย้อย มาให้ปากคำต่อไปตามลำดับ ซึ่งหากดำเนินการได้เรียบร้อย ก็อาจออกหมายเรียกได้ทันภายในสัปดาห์หน้า

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น