บึ้ม! ระเบิด คร่าชีวิต ตาลีบัน 30 ศพ ขณะเรียนประกอบระเบิด

บึ้ม! ระเบิด คร่าชีวิต ตาลีบัน 30 ศพ ขณะเรียนประกอบระเบิด

สื่อในประเทศอัฟกานิสถาน รายงานว่า ระเบิด คร่าชีวิตกองทัพ ตาลีบัน อย่างน้อย 30 ศพในขณะที่พวกเขากำลังเรียนการประกอบระเบิด เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว นิวซีแลนด์เฮรัลด์ รายงานว่า สมาชิกกองกำลังติดอาวุธตาลีบันอย่างน้อย 30 คน เสียชีวิต หลังจากที่เกิดระเบิดขณะที่พวกเขากำลังเรียนวิธีการประกอบวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง หรือ IED ในโบสถ์แห่งหนึ่ง ที่จังหวัดแบลค์ ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้มี 6 สัญชาติ 

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุตัวตนผู้เสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพศพที่ได้รับความเสียอย่างรุนแรงจากแรงระเบิด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดระเบิดขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวนี้ ได้อยู่ในช่วงระดับมูลค่า $50,603 (1,514,047.76 บาท) ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นมา 0.83% จากมูลค่าในเวลานั้น และโดยรวมนั้นถือว่าเพิ่มขึ้น 67% ในปีนี้ ซึ่งแน่นอนปัจจัยใหญ่ในเวลานี้มาจากการกว้านซื้อของ Tesla ที่ทำการซื้อไปในมูลค่าถึง 1.5 พันล้านบาท

ด้วยการดำเนินการของ Tesla ทั้งการกว้านซื้อ และการออกมารับตัว Bitcoin ในการซื้อขายของบริษัท ทำให้บรรดานักลงทุนทั้งหลาย จากหลายภาคส่วน และบริษัทต่าง ๆ เริ่มมีการหันมาลงทุนในตัวเหรียญดิจิทัลอันนี้กันมากขึ้น โดนการดำเนินการกระแสหลักนี้ สามารถจะช่วยให้ Bitcoin นั้นเริ่มมีการนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยน / ใช้จ่ายได้อย่างแพร่หลาย หลังจากที่ได้พลาดไปแล้วก่อนหน้านี้ และในทางกลับกันกลายเป็นการเพิ่มในส่วนราคาของมันแทน

Russ Mould ผู้อำนวยการทางด้านการลงทุนของ AJ Bell ได้กล่าวว่า “ยิ่งมีผู้คนหันมายอมรับ และนำมาใช้งานมันเป็นเงินมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีโอกาสที่มันจะถูกนำมาใช้งานเป็นสกุลเงินกระแสหลักมาขึ้นเท่านั้น” ซึ่งการเห่มาลงทุนของบรรดาสถาบันการเงิน และยักลงทุนกระแสหลักในปีนี้นั้น ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 300% จากปีก่อน เนื่องจากบรรดานักลงทุนเหล่านี้ได้พยายามหาหลักทรัพย์และสกุลเงินทดแทน ค่าเงินดอลลาร์ที่กำลังอยู่ระหว่างการอ่อนตัวลงไปทั่วโลก แต่ถึงกระนั้นธนาคารหลักหลาย ๆ แห่ง และสถาบันทางการเงินของรัฐบาลสหรัฐต่างก็เฝ้าระวังในการพองตัวขึ้นของฟองสบู่มูลค่า Bitcoin นี้อย่างระมัดระวัง

กองทัพเมียนมาได้ทำการเพิ่ม ข้อหา ให้กับ อองซานซูจี อีกหนึ่ง ข้อหา ระบุว่าเธอละเมิดกฎหมายภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งนี้ไม่มีการระบุว่าเกี่ยวกับประเด็นใด เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า กองทัพเมียนมาได้ทำการเพิ่มข้อหา นาง อองซานซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ซึ่งถือเป็นข้อหาที่สอง หลังจากที่ก่อหน้านี้กองทัพเมียนมาได้ตั้งข้อหาครอบครองวอล์คกี้ทอล์คกี้อย่างผิดกฎหมาย

เบื้องต้นสำนักข่าวระบุว่าข้อหาใหม่นั้นระบุว่าเธอได้ทำการละเมิดกฎหมายภัยพิบัติแห่งชาติ แต่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับกรณีใด

ด้าน นายพลจัตวากองทัพบน ซอ มิน ตัน โฆษกรัฐบาลได้ระบุว่าขณะนี้นาง อองซานซูจี ถูกกักตัวอยู่ที่บ้านพักของเธอเอง พร้อมยืนยันว่าเธอได้รับการอำนวยความสะดวกและมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งในงานแถลงเดียวกัน โฆษกก็ได้ย้ำอีกว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมาโกงการเลือกตั้งในช่วงปีที่แล้ว

ทั้งนี้ไม่ได้มีการแสดงหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการโกงการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแต่อย่างใด โดยทางรัฐบาลยืนยันว่าพวกเขาจะคืนอำนาจให้กับพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้าทันที อย่างไรก็ดีไม่มีการเปิดเผยวันเลือกตั้งครั้งต่อไปที่แน่ชัด

เกาหลีใต้แฉ! เกาหลีเหนือ แฮ็ก ข้อมูลวัคซีนโควิด

สื่อในประเทศเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือ ได้พยายาม แฮ็ก ข้อมูลวัคซีนโควิด ไม่มีรายงานแน่ชัดว่าภารกิจสำเร็จหรือไม่ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ยอนฮัป รายงานว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติของประเทศเกาหลีใต้ได้แจ้งฝ่ายนิติบัญญัติว่าเกาหลีเหนือพยายามแฮ็กข้อมูลผู้ผลิคยาในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพยายามขโมยข้อมูลวัคซีนไฟเซอร์ วัคซีนต้านโควิด-19

ไม่มีรายงานแน่ชัดว่าทางการเกาหลีใต้สามารถแฮ็กข้อมูลสำเร็จได้หรือไม่ ซึ่งสำนักข่าว BBC ได้ทำการติดต่อไปยังผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ แต่ทางบริษัทยังไม่ได้ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

ขณะนี้ประเทศเกาหลีเหนือยังไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิดในประเทศ อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายได้ออกวิเคราะห์ตรงกันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศเกาหลีเหนือจะพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้ว

เนื่องจากในช่วงก่อนการแพร่ระบาด ประเทศเกาหลีเหนือติดต่อกับประเทศจีน ซึ่งเป็นอดีตศูนย์กลางในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประเทศเกาหลีเหนือมีกำหนดได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาและวัคซีนไฟเซอร์จากโครงการโคแวกซ์ (Covax) ในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้

WHO ได้ออกมาอนุมัติใช้วัคซีน แอสตราเซเนกา เป็นกรณีฉุกเฉิน เตรียมเปิดทางแจกวัคซีนชนิดดังกล่าวผ่านโครงการโคแวกซ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้อนุมัติใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อเตรียมนำวัคซีนแอสตราเซเนกาแจกผ่านโครงการโคแวกซ์ (Covax) โครงการแจกวัคซีนขององค์การอนามัยโลก

โดยนายเทโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าในขณะนี้พวกเขามีความพร้อมที่จะสามารถแจกวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้นายเกเบรเยซุสยังคงย้ำเตือนให้ผู้ผลิควัคซีนเร่งกระบวนการผลิตเพื่อให้แจกจ่ายวัคซีนได้ทัน

นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังกล่าวชื่นชมวัคซีนแอสตราเซเนกาด้วยว่าเป็นวัคซีนที่ราคาถูกและเข้าถึงทั่วโลกได้มากกว่า ด้านผู้ผลิตวัคซีนกล่าวว่า พวกเขาหวังว่า 145 ประเทศทั่วโลก จะมีวัคซีนมากกว่า 300 ล้านโดสพร้อมใช้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังจากที่โครงการ โคแวกซ์เริ่มทำการแจกจ่ายวัคซีน

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น